เปิดตัว BYD Song L & Song Plus พร้อมระบบ DM 5.0 PHEV

ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยระยะการขับขี่ถึง 1,500 km

BYD เปิดตัว BYD Song L DM-i และ Song Plus DM-i ทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบ PHEV รุ่นที่ 5 แม้ว่าจะมีตำแหน่งการตลาดที่แตกต่างกัน แต่อยู่ในช่วงราคาเดียวกัน โดยทั้ง Song L และ Song Plus จะมีทั้งหหมด 5 รุ่นย่อย มีราคาตั้งแต่ 135,800 ถึง 175,800 หยวน (ประมาณ 683,000-884,000 บาท)




Song L DM-i

หัวใจของระบบ DM 5.0 คือเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 74 kW และแรงบิด 126 Nm จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 160 kW และแรงบิด 260 Nm ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ BYD472QC ที่รู้จักกันดีในเรื่องประสิทธิภาพความร้อน 46.06%



ทั้งสองรุ่นนำเสนอตัวเลือกแบตเตอรี่สามแบบ:

  • 12.9 kWh: ให้ระยะการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน CLTC 75 กม.
  • 18.3 kWh: ห้ระยะการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน CLTC 112 กม.
  • 26.6 kWh: ห้ระยะการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน CLTC 160 กม.

สำหรับตัวเลขการบริโภคน้ำมันเมื่อคำนวนตาม NEDC และ WLTC มีดังนี้

  • NEDC: 25.7 km/l, 25.6 km/l และ 25.4 km/l ตามลำดับ
  • WLTC: 20.2 km/l, 20.2 km/l และ 20.0 km/l ตามลำดับ

เมื่อประเมินเป็นระยะทางรวมทั้งระบบเครื่องยนต์และไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ถึง 1500 กม.


Song L DM-i เป็นรถ SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่นใหม่ในกลุ่ม Dynasty ที่เติมเต็มช่องว่างระหว่าง Song Pro DM-i และ Tang DM-i มีให้เลือก 5 รุ่น ด้วยราคาตั้งแต่

135,800 หยวน (683,000 บาท) สำหรับรุ่น Leading 75 กม.
145,800 หยวน (683,000 บาท) สำหรับรุ่น Leading 112 กม.
155,800 หยวน (783,000 บาท) สำหรับรุ่น Leading 112 กม.
165,800 หยวน (834,000 บาท) สำหรับรุ่น Leading 160 กม.
175,800 หยวน (884,000 บาท สำหรับรุ่น Excellence 160 กม.

จากมุมมองด้านสไตล์ แลดูมีลักษณะคล้ายกับ Song L EV แต่มีกระจังหน้าขนาดใหญ่เพื่อการกระจายความร้อน มีล้อที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมมนที่โดดเด่นขนาด 19 นิ้วหุ้มด้วยยาง Kumho มีการออกแบบที่น่าสนใจ เช่น มือจับประตูแบบซ่อน และมีรอยพับคู่ที่โดดเด่นเหนือล้อหลัง โดยรอยพับที่สองเป็นส่วนหนึ่งของเส้นขอบหน้าต่าง มีการตกแต่งตัดสีด้วยโครเมียมที่เสาทุกต้น และที่ด้านหลังมีกันชนหลังเงิน ไฟท้ายมีการออกแบบคล้ายเกลียวปมของจีน และที่ด้านบนของหน้าต่างหลังมีสปอยเลอร์หลังสองส่วน และมีเลือกทั้งหมด 4 สี: น้ำเงิน Ice, น้ำเงิน Emerald, เทา Citrine และขาว Jade

ขนาดของ Song L คือ 4780/1898/1670 mm และฐานล้อ 2782 mm น้ำหนักตัวรถสำหรับรุ่น 112 km คือ 2305 kg ในขณะที่รุ่น 160 kg มีน้ำหนัก 2375 kg

ภายในมีการออกแบบที่คล้ายกับ Qin L DM-i มีที่นั่งและตกแต่งภายในสีเซรามิก Jinsha รุ่นท็อปสเปคมีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว แผงมาตรวัด LCD และหน้าจอแสดงผลบนกระจกหน้ารถ หน้าจอมีระบบปฏิบัติการ DiLink 100 และชิปประมวลผล 6nm นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50W พวงมาลัยที่มีฟังก์ชันการทำความร้อน และระบบเสียง infinity ลำโพง 10 ตัว พร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ DiPilot

Song L DM-i มีที่นั่ง 5 ที่นั่ง มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 459 ลิตร และเมื่อพับเบาะนั่งลง มีพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 1,550 ลิตร


Song Plus DM-i

Song Plus DM-i ได้เปิดตัวพร้อมกับ Song L DM-i ในฐานะเวอร์ชันที่ได้รับการอัปเกรด โดยรวมเอาเทคโนโลยีระบบการขับเคลื่อน DM 5.0 รุ่นล่าสุดเข้าไว้ มีให้เลือก 5 รุ่น ด้วยราคาตั้งแต่

135,800 หยวน (683,000 บาท) สำหรับรุ่น Deluxe 75 กม.
145,800 หยวน (683,000 บาท) สำหรับรุ่น Prestige 112 กม.
155,800 หยวน (783,000 บาท) สำหรับรุ่น Honor112 กม.
165,800 หยวน (834,000 บาท) สำหรับรุ่น Flagship160 กม.
175,800 หยวน (884,000 บาท สำหรับรุ่น Flagship Plus 160 กม.

จากภายนอก Song Plus DM-i รุ่นใหม่ ยังคงรักษาส่วนใหญ่ของการออกแบบจากรุ่นก่อนหน้า โดยมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยที่ไฟหน้าและโลโก้ BYD ใหม่ที่ด้านหลังซึ่งสามารถส่องสว่างได้ แทนที่โลโก้ Build Your Dreams รุ่นเก่า ขนาดยังคงเหมือนเดิมที่ 4775/1890/1670 mm พร้อมฐานล้อ 2765 mm

ภายใน Song Plus DM-i มีการจัดวางที่คล้ายกับ Song L แต่เลือกใช้โทนสีที่ดูดั้งเดิมและดึงความสว่างในโทนสีขาวตัดเทา รวมถึงหน้าจอแสดงผลบนกระจกหน้ารถขนาดใหญ่ แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50W และระบบปฏิบัติการ DiLink 100 รุ่นท็อปสเปคยังคงใช้ระบบเสียง infinity รอบทิศทาง 10 ลำโพงและระบบช่วยเหลือการขับขี่ DiPilot การอัปเดตภายในและเทคโนโลยีให้ประสบการณ์ที่สดใหม่แต่คุ้นเคยสำหรับลูกค้า BYD

Editor’s note:

เมื่อ BYD เปิดตัวเทคโนโลยี DM 5.0 เขาก็ได้เปิดตัวรถทั้งรุ่น Qin L และ Seal 06 DM-i พร้อมกัน โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันผ่านตัวแทนจำหน่ายแยกกันในซีรีส์ Dynasty และ Ocean สำหรับ Song L DM-i ที่เปิดตัวใหม่และ Song Plus DM-i ที่ได้รับการปรับใหม่ แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางด้านรูปลักษณ์ แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันมากและทั้งสองรุ่นเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Dynasty สำหรับรุ่น Song Plus ได้รับความสำเร็จอย่างมากสำหรับ BYD โดยมียอดขายรถมากกว่าหนึ่งล้านคันในรุ่น EV และ PHEV ยังคงต้องจับตาดูว่า Song L จะสามารถสร้างตลาดของตัวเองได้หรือไม่


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *